ตกขาวแบบไหนควรพบแพทย์
ตกขาวคืออะไร?
ตกขาว หมายถึง สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอดมีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อและระคายเคืองซึ่งมีลักษณะสี และปริมาณของตกขาวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงของรอบเดือน โดยทั่วไปจะมีลักษณะดังนี้
- วันที่ 1-5 ของรอบเดือน: เป็นช่วงที่มีเลือดประจำเดือน
- วันที่ 6-14 ของรอบเดือน: ส่วนมากจะมีตกขาวน้อยกว่าช่วงปกติ ตกขาวมีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง และอาจมีลักษณะเหนียวได้
- วันที่ 14-25 ของรอบเดือน: ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลืองอีกครั้ง
- วันที่ 25-28 ของรอบเดือน: ก่อนมีประจำเดือนจะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงมากจนจางหายไป
สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง?
- เฉดสีแดง: เลือดในช่วงที่มีประจำเดือนโดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีเลือดออกในช่วงอื่นนอกเหนือจากช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
- เฉดสีขาว: ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือเป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาวมีลักษณะขาวเหนียวร่วมกับมีอาการอื่น ลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้
- เฉดสีเหลืองเขียว: ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียวจนถึงเขียว เป็นเฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงควรพบแพทย์โดยเฉพาะผู้ที่มีตกขาวเหนียวเป็นก้อนหรือมีกลิ่นร่วมด้วย
- เฉดสีใส: ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือใสหรือค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาว
- เฉดสีเทา: ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด?
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด มักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่นโดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่
- การติดเชื้อราในช่องคลอด: ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มักมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด
- การติดเชื้อแบคทีเรีย: มักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด ส่วนมากจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา มีอาการคัน ปัสสาวะแสบขัด
- การติดเชื้อทริโคโมแนส: เกิดจากเชื้อโปรโตซัว ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองมีกลิ่นเหม็นร่วมกับแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ มีการอักเสบ บวม แดง บริเวณปากช่องคลอด
เมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์?
ผู้หญิงเราควรไปพบแพทย์เมื่อตกขาวมีลักษณะ สี หรือกลิ่นผิดไปจากปกติ หรือมีอาการทางช่องคลอด
- มีลักษณะแดง คัน เจ็บ แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอด
- ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก
- ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือเทา
- มีเลือดหรือเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
- มีกลิ่นรุนแรง
โดยทั่วไปการติดเชื้อหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีผลทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งบางครั้งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษา ดังนั้น ผู้ที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของตกขาวหรืออาการอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป
สอบถามข้อมูลหรือแพ็กเกจได้ที่ แผนกสูติ-นรีเวช โทร. 0-2109-1111