Bangpakok Hospital

อย่าละเลยร่างกายเตือน นิ่วในถุงน้ำดี

12 ก.ย. 2566

       โรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคในระบบทางเดินอาหารที่สามารถเกิดขึ้นได้และมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตหากไม่รีบรักษา ส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยพบได้ตั้งแต่อายุ 30 – 50 ปีผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารจึงหายามารับประทานเอง จนกระทั่งอาการรุนแรงจึงมารับการ

     หน้าที่ของถุงน้ำดี

        ถุงน้ำดี (Gallbladder) คือ อวัยวะบริเวณช่องท้องที่ทำหน้าที่ในการกักเก็บน้ำดี ทำให้น้ำดีเข้มข้นเพื่อพร้อมสำหรับย่อยไขมัน

      รู้จักโรคนิ่วในถุงน้ำดี

         นิ่วในถุงน้ำดี(Gall Stone) เป็นโรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการตกตะกอนของหินปูนหรือคอเลสเตอรอลในน้ำดี จึงทำให้เกิดนิ่ว โดยลักษณะนิ่วมี 3 ประเภทได้แก่

  • นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stone)

เป็นสีเหลือง ขาว เขียวเกิดจากการตกตะกอนไขมัน เนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นในถุงน้ำดี

  • นิ่วจากเม็ดสี (Pigment Stone)

อาจเป็นสีคล้ำดำ เกิดจากความผิดปกติของเลือด โลหิตจาง ตับแข็ง

  • นิ่วโคลน (Mixed Gallstones)

คล้ายโคลนเหนียว หนืด เกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับ ท่อน้ำดี ตับอ่อน

    อาการบอกโรค

     นิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่แสดงอาการใดๆ หรือมีบางอาการ ดังนี้

  • ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยหลังทานอาหารไขมันสูง เป็นๆ หายๆ เรื้อรัง
  • ปวดใต้ลิ้นปี่ / ชายโครงด้านขวา
  • ปวดร้าวที่ไหล่ / หลังขวา
  • มีไข้หนาวสั่น มีอาการคลื่นไส้อาเจียน (ถุงน้ำดีติดเชื้อ)
  • ดีซ่าน / ตัว-ตาเหลือง (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
  • ปัสสาวะสีเข้ม (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
  • อุจจาระสีขาว (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)

        ทั้งนี้ก้อนนิ่วที่ตกตะกอนมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทราย หรือใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ จำนวนมีได้ตั้งแต่หนึ่งก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อนได้ หากมีขนาดใหญ่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้

กลุ่มเสี่ยงเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

  • เพศหญิงมีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • เพศชายมีอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ภาวะอ้วน มีน้ำหนักมาก
  • คอเลสเตอรอลสูง
  • โรคเบาหวาน
  • โรคเลือด โลหิตจาง ธาลัสซีเมีย
  • ตั้งครรภ์หลายครั้ง
  • กินยาคุมกำเนิด
  • ทานฮอร์โมนจากภาวะหมดประจำเดือน
  • ทานยาลดไขมันบางชนิด
  • พันธุกรรมมีประวัติคนในครอบครัว

       วิธีการรักษา

         การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการจากนิ่วในถุงน้ำดี หากสามารถทำการผ่าตัดได้ แนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาถุงน้ำดีออกทุกราย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและหลังจากผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการย่อยอาหาร เพราะถุงน้ำดีเป็นเพียงที่เก็บพักน้ำดี แต่ควรลดของมัน เน้นทานผักและปลามากขึ้น

Go to top
Copyright © 2015 Bangpakok Hospital All rights reserved.