Bangpakok Hospital

3 วัคซีนจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ

18 ก.พ. 2568


   ผู้สูงอายุหลายคนเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนเมื่อฉีดครบถ้วนในวัยเด็กแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดอีก แต่ในความเป็นจริงวัคซีนหลายชนิดที่เคยฉีดนั้น ไม่สามารถป้องกันโรคได้ตลอดชีวิต เนื่องจากผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้นระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ก็จะมีประสิทธิภาพที่ลดลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุไว้ก่อนจึงเป็นวิธีที่ดีกว่า
ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ มีประโยชน์อย่างไร?
  1. ลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อ
  2. วัคซีนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
  3. ลดโอกาสเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคติดเชื้อรุนแรง
  4. ลดค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียจากการเกิดโรคที่อาจเกิดขึ้น
  5. โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนส่วนใหญ่เป็นโรคที่เป็นแล้วมีความรุนแรง รักษายาก เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมในผู้สูงอายุ เป็นต้น
วัคซีน 3 ชนิดที่แนะนำให้ผู้สูงอายุ
  1. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ชนิด 4 สายพันธุ์
ผู้สูงอายุทุกคน ควรฉีดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ทุกปี โดยสามารถฉีดในช่วงก่อนมีการระบาด โดยในประเทศไทยมักระบาด 2 ช่วงคือช่วงฤดูฝน และช่วงฤดูหนาว ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด Flu High-Dose สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นจากขนาดปกติถึง 24% และยังสามารถลดอัตราการนอนโรงพยาบาลจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เกิดตามมาหลังการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยแนะนำให้ฉีด 1 เข็ม ปีละ 1 ครั้ง
  1. วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ
สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบรุนแรง ไปจนถึงทำให้พิการและเสียชีวิตได้ เชื้อนิวโมคอคคัสก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ และก่อให้เกิดการติดเชื้อรุกล้ำรุนแรง ได้แก่ การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง การติดเชื้อในกระดูกและข้อ และการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสแบบรุกรานได้ง่ายกว่าคนหนุ่มสาว การรับวัคซีนดังกล่าวจึงมีประโยชน์ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
  1. วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
โรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัส VZV ซึ่งเป็นไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส เมื่อหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อนี้จะหลบอยู่ในร่างกายเรา เมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดลง โรคงูสวัดจะเริ่มแสดงอาการออกมา โดยจะมีตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นกระจุก ร่วมกับอาการปวดแสบปวดร้อนตามแนวเส้นประสาท แม้ตุ่มน้ำจะหายแล้ว อาการแสบร้อนยังคงอยู่ได้เป็นเวลาหลายเดือน
 
   ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดชนิดใหม่ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคงูสวัดมากกว่า 90% โดยฉีดจำนวน 2 เข็ม ขนาด 0.5 มล. เข้ากล้ามเนื้อ ห่างกัน 2-6 เดือน ในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคงูสวัดสูงสุด และผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยโรคเอสแอลอี ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน และผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต เนื่องจากคนกลุ่มนี้หากป่วยด้วยโรคงูสวัดจะมีอาการรุนแรงมากกว่าคนปกติ
ข้อระวังในการเลี่ยงการฉีดวัคซีน
  1. ต้องมีการจดบันทึก ก่อนการรับวัคซีนทุกครั้ง
  2. หากมีอาการป่วย หรือมีไข้สูงควรเลี่ยงการฉีดวัคซีน
  3. หากมีการแพ้อาหาร แพ้ยา หรือมีโรคประจำตัวต้องแจ้งก่อนฉีดทุกครั้ง
ทั้งนี้ การให้วัคซีนอย่างเหมาะสมในผู้สูงอายุเป็นการดูแลที่สำคัญเพราะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อที่ป้องกันได้ และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียจากการเกิดโรคที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุที่ต้องการฉีดวัคซีนควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการฉีด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการนัดหมายแพทย์ เพื่อทำการปรึกษา
โทร. 0-2109-1111 , 0-2109-2222
Go to top
Copyright © 2015 Bangpakok Hospital All rights reserved.