นิ่วในถุงน้ำดี สังเกตให้ดีคล้ายโรคกระเพาะ
นิ่วในถุงน้ำดี
ตะกอนของแข็งที่เกิดสะสมขึ้นภายในถุงน้ำดี อาจมีขนาดเล็กเท่ากับเม็ดทรายหรือจะใหญ่เท่ากับลูกมะกรูดก็ได้ ซึ่งตะกอนดังกล่าวจะมีจำนวนมากเป็นร้อย ๆ ก้อน อุดตันอยู่ในถุงน้ำดี ทั้งนี้ถุงน้ำดีมีหน้าที่ทำให้น้ำดีเข้มข้น ไว้พร้อมใช้สำหรับขับน้ำดีออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร โดยน้ำดีจะทำหน้าที่ดักจับไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย นั่นเองจึงทำให้เมื่อเกิดนิ่วขึ้น การทำงานของถุงน้ำดีจึงผิดปกติและส่งผลระบบทำงานของถุงน้ำดี ซึ่งถ้าหากนิ่วตกลงไปอุดที่ท่อน้ำดีใหญ่ อาจส่งผลต่อการทำให้ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
นิ่วในถุงน้ำดีสามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 ชนิด
- ชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล พบได้บ่อยมากที่สุดคือร้อยละ 80 ของผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นชนิดนี้ เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป จึงไปเกาะจับกันจนทำให้ถุงน้ำดีทำงานผิดปกติ
- ชนิดที่เกิดจากเม็ดสีบิลิรูบิน พบได้น้อยกว่าชนิดแรก โดยก้อนนิ่วจะมีขนาดเล็กกว่าชนิดคอเลสเตอรอลมักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็ง หรือผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติของเลือด อย่างโรคโลหิตจาง
ปัจจัยเสี่ยงใดบ้างเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี
หากสังเกตจากชนิดของโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราจะพบว่าชนิดที่เป็นกันมากที่สุดคือชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้ว่า พฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนเรามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบกันด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- ความอ้วน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด เพราะเป็นสาเหตุของการทำให้
คอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มมากขึ้น - การทานอาหารไขมันสูง ชอบทานบุฟเฟต์ ปิ้งย่าง ฯลฯ เป็นสาเหตุของความอ้วน
และนำไปสู่ภาวะคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง - ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบทานผัก
- อายุ 40 ปี ขึ้นไป ระบบเผาผลาญในร่างกายที่แย่ลง ทำให้การสะสมคอเลสเตอรอลมีสูงขึ้น จึงเสี่ยงมากขึ้น
- โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้น เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน มีส่วนในการเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดี
- หากพบว่าในครอบครัวมีคนเคยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราก็จะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น
สังเกตอาการอย่างไร ถึงจะรู้ว่ากำลังเสี่ยงภัยนิ่วในถุงน้ำดี
ความอันตรายของโรคนิ่วในถุงน้ำดีคือเป็นโรคไม่แสดงอาการให้เราเห็นชัดเจนมากนักในช่วงแรก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทราบก็เมื่อได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด แต่ทั้งนี้ เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ จากหลายๆ อาการ ได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน บ่อยๆ
- มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
- รู้สึกแสบร้อนที่อก มีลมในกระเพาะอาหาร
- หลังรับประทานอาหารมันๆ มักมีอาการเสียดท้อง แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
- ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่วงท้องส่วนบนด้านขวา โดยปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
- ในรายผู้ป่วยที่ถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงด้านขวา
บริเวณตำแหน่งของถุงน้ำดี และอาจมีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง ร่วมด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการนัดหมายแพทย์ เพื่อทำการปรึกษา
โทร. 0-2109-1111 , 0-2109-2222