Bangpakok Hospital

OSA โรคหยุดหายใจขณะหลับ

18 ก.ย. 2567

   
   ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea : OSA) เป็นภาวะอันตรายสังเกตได้จากการนอนกรนเกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนต้นที่แคบลง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาจะเสี่ยงโรคทางหัวใจ และโรคอื่น ๆ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต สามารถวินิจฉัยได้ผ่านการทำ Sleep Test เพื่อวัดความรุนแรงของอาการเป็นข้อมูลสำหรับทำการรักษาต่อไป
สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
   เกิดจากอวัยวะในระบบหายใจเกิดความผิดปกติ เช่น จมูก ช่องคอ ผนังคอหอย เป็นต้น ทำให้บริเวณดังกล่าวแคบลง เมื่อหายใจจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกลายเป็นเสียงกรนตอนนอนหลับซึ่งเป็นสัญญาณหลักของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากระบบหายใจที่แคบจะทำให้ร่างกายพยายามหายใจให้แรงขึ้น การกระทำดังกล่าวจะยิ่งทำให้ทางเดินหายใจแคบลงทำให้ไม่สามารถหายใจเข้า-ออกได้ชั่วขณะหนึ่ง อาการนี้เองที่เรียกว่า “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ”
ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัยแต่ส่วนมากจะพบในเพศชายอายุประมาณ 30 ปี และจะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นตามอายุ โดยจะมีความเสี่ยงร่วมกันในทุกเพศทุกวัย ดังนี้
  • ผลกระทบจากโรค โรคอ้วน โรคด้านหัวใจ โรคภูมิแพ้ โรคเบาหวาน
  • เกิดจากการทานยา ยาบางชนิดสามารถส่งผลให้เกิดการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อในระบบหายใจได้
  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การดื่มแอลกอฮอล์รวมไปถึงการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้เช่นกัน
  • ลักษณะโครงสร้างของใบหน้า ผู้ที่มีช่องคอช่องจมูกแคบ มีคางสั้น กะโหลกศีรษะผิดรูป เป็นต้น ส่งผลให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
สำหรับเพศหญิงจะมีความเสี่ยงมากขึ้นในวัยหมดประจำเดือน และในเด็กมักพบจากสาเหตุของอาการต่อมทอนซิล และอะดีนอยด์โต หรืออักเสบเรื้อรัง
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีกี่ประเภท
  • ประเภทการอุดกั้นทางเดินหายใจ (Obstructive Sleep Apnea) : เป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่พบได้บ่อยที่สุด จากระบบทางเดินหายใจที่แคบลง
  • ประเภทความผิดปกติจากสมองส่วนกลาง  (Central sleep apnea) : เกิดจากสมองส่วนกลางไม่สามารถสั่งการกล้ามเนื้อขณะนอนหลับได้ เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง หรือยาที่มีผลต่อระบบสมองส่วนกลาง อาการประเภทนี้พบได้น้อยที่สุดในภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • ประเภทแบบผสม (Mixed Sleep Apnea) : เป็นการหยุดหายใจที่เกิดขึ้นจากสาเหตุของสมองส่วนกลาง และการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจร่วมกัน
อาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • อาการตอนกลางวัน ปวดศีรษะไม่สดชื่นตอนตื่นนอนรู้สึกนอนไม่พอ ส่งผลให้การทำงานระหว่างวันรู้สึกล้าไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย คอแห้ง และง่วงนอนอย่างมากส่งผลให้คุณภาพของการทำงานแย่ลง แต่หากเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็กจะซนมากขึ้นเนื่องจากสมาธิสั้น
  • อาการตอนกลางคืน ตอนนอนจะละเมอ ฝันร้าย กรนดังมาก หายใจแรง หายใจขัดเพื่อหาอากาศ มีอาการสะดุ้งตื่น ถ้าเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็กมักจะเปลี่ยนท่านอนบ่อยเป็นท่านอนคว่ำ และปัสสาวะรดที่นอนร่วมด้วย นอกจากนี้เด็กอาจเติบโตได้ไม่สมวัย
อันตรายจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
   สามารถทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ที่มีความรุนแรงสูงสุดถึงขั้นเสียชีวิตตามมาได้หากไม่ได้รับการรักษา เช่น โรคด้านหัวใจ ภาวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ความอ่อนเพลียในตอนกลางวันผลกระทบจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจส่งผลให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ระหว่างขับรถ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบไหนควรพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
  • คนรอบข้างบอกว่าผู้ป่วยมีอาการหยุดหายใจเป็นระยะ ๆ
  • นอนกรนดังมากจนทำให้ผู้อื่นได้ยิน หรือรบกวนการนอนของผู้อื่นได้
  • ตื่นด้วยอาการหอบหรือสำลักกลางดึกจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • มีอาการง่วงนอนอย่างหนักตอนกลางวัน และไม่สามารถควบคุมให้ตนเองตื่นได้
การวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
เริ่มจากการซักถามประวัติและอาการนอนกรนควรมีผู้ที่สังเกตอาการของผู้ป่วยอยู่ในขั้นตอนการซักประวัติด้วย ซึ่งการตรวจวินิจฉัยจะมีขั้นตอนต่อไปนี้
  • ตรวจโดยทั่วไป และทำการตรวจหูคอจมูกอาจตรวจผ่านการส่องกล้อง จุดประสงค์เพื่อหาจุดผิดปกติที่ทำให้เกิดอาการอุดกั้น สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • ตรวจกะโหลกศีรษะ และ ลำคอ ผ่านการเอกซเรย์เพื่อประเมินโครงสร้างของใบหน้า และเพื่อดูความผิดปกติของต่อมอะดีนอยด์ในเด็ก
  • ทำการตรวจการนอนหลับ Sleep Test (Polysomnography) ในช่วงกลางคืนเพื่อดูอาการนอนกรน และวิเคราะห์อาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับโดยจะทดสอบตลอดการนอนหลับ 6-8 ชั่วโมง เพื่อหาแนวทางในการรักษาผ่านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการนัดหมายแพทย์ เพื่อทำการปรึกษา
โทร. 0-2109-1111 , 0-2109-2222
Go to top
Copyright © 2015 Bangpakok Hospital All rights reserved.