ไข้หวัดแดด โรคหน้าร้อนที่ต้องระวัง
แสงแดดอันแผดเผาของบ้านเราในช่วงนี้ เรียกได้ว่ามีดีแค่เอาไว้ตากผ้ากันเลยทีเดียว เพราะนอกจากรังสียูวีในแดดจะทำร้ายผิวของเราแล้ว อุณหภูมิที่ร้อนจัด ก็ยังทำให้เสียสุขภาพได้อีกด้วย เพราะอุณหภูมิสูง ๆ จากแดดร้อน ๆ ก็สามารถทำให้คุณเป็น “หวัดแดด” ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทำงานกลางแจ้งต้องระวังอย่างยิ่ง
หวัดแดด หรือ ไข้หวัดแดด (Summer Cold) คืออะไร
หวัดแดด (โรคหวัดในฤดูร้อน) คือการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจในช่วงหน้าร้อน (เป็นเชื้อในกลุ่มไข้หวัดใหญ่) มักเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ยิ่งอากาศร้อนมาก ก็ยิ่งทำให้ตัวร้อนมากขึ้น ก็จะเสี่ยงต่อการเป็นไข้สูง เพราะร่างกายระบายความร้อนยากขึ้น
ในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น และอากาศร้อนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ปิดเทอม (โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์) หลายครอบครัวต่างพากันเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารนอกบ้าน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ (ตั้งแต่จมูก คอ หลอดลมไปจนถึงปอด) และเป็นที่มาของไข้หวัดแดดได้
ไข้หวัดแดดนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่สามารถป่วยเป็นไข้หวัดแดดได้มากกว่าปกติ คือ
- ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เช่น เกษตรกร นักกีฬา เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ
- ผู้ที่ต้องเข้าออกไปมาบ่อย ๆ ระหว่างสถานที่เย็นจัด ไปร้อนจัด
- ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด ต่อเนื่อง เป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง, คนอ้วน, ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ, ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง
อาการไข้หวัดแดด มีอะไรบ้าง
- ตัวร้อน มีไข้รุม ๆ แต่ต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ตาแดง อาจมีอาการปวดแสบที่กระบอกตา ซึ่งกรณีนี้ต้องระวังมาก เพราะเป็นอาการแสดงว่าร่างกายสะสมความร้อนไว้มาก จนร่างกายเริ่มรับไม่ไหวแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์
- ริมฝีปากแห้ง แข็ง แต่ไม่แตกลอก ปากแห้ง คอแห้ง แสบคอ แต่ไม่ถึงกับเจ็บคอ
- ครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นตะคริว
- ปากจืด ปากขม เบื่ออาหาร กินอะไรก็ไม่อร่อย คลื่นไส้ อาเจียน
- นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ
- ปั่นป่วนท้อง ท้องเสีย ขับถ่ายไม่ปกติ เช่น ถ่ายไม่เป็นเวลา ถ่ายยาก ปัสสาวะกะปริบกะปรอย เวลาปัสสาวะจะรู้สึกมีความร้อนสูงออกมาด้วย
การรักษา และป้องกันไข้หวัดแดด
- รับประทานยา แก้ปวด ลดไข้
- หมั่นเช็ดตัวบ่อย ๆ เพื่อระบายความร้อนภายใน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรนอนดึกเกินไป
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด ควรพกร่ม หรือใส่เสื้อคลุมกันแดด หากต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่ผู้คนแออัด
- ช่วงที่อากาศร้อน ควรสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เนื้อผ้าไม่หนาเกินไป สีอ่อน และระบายอากาศได้ดี
- ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว และทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยป้องกันหวัด
เมื่อไหร่ที่ควรเข้าพบแพทย์
-
มีไข้สูงเกิน 39.4 องสาเซลเซียส
-
มีอาการไอ มีเสมหะบ่อยๆ หายใจสั้นลง
-
มีอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้า
-
เวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม มีผื่นขึ้นตามตัว มีอาการอาเจียนบ่อยครั้ง